St.Raphael School



การสื่อสารและการนำเสนอ (Comunication and Presentation)


	[หน้า 1] [หน้า 2] [หน้า 3]


	ผลการเรียนรู้ที่นักเรียนได้รับ
		1. มีความรู้และทักษะ การวางโครงร่าง การเขียนตามหลักเกณฑ์ องค์ประกอบ
		และวิธีการเขียนโครงร่างรายงานเชิงวิชาการ
		2. เข้าใจและเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าเชิงวิชาการเป็นภาษาไทย ความยาว 4,000 คำ
		3. มีความรู้ ทักษะ การนำเสนอข้อค้นพบ ข้อสรุป จากประเด็นที่เลือกแบบเดี่ยวหรือแบบกลุ่ม
		โดยใช้สื่อเทคโนโลยีที่หลากหลาย
		4. เข้าใจและเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณะ โดยใช้การสนทนาวิพากษ์ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
		5. เห็นประโยชน์และคุณค่าการสร้างสรรค์งาน และถ่ายทอดสิ่งที่เรียนรู้ให้เป็นประโยชน์



	ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการสื่อสารและการนำเสนอ
		การสื่อสาร คือการบอกต่อหรือการเผยแพร่ถ้อยคำ ข้อความ เอกสาร หนังสือ เทคโนโลยีสื่อสาร
		จากคนหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง
		การนำเสนอ คือกระบวนการถ่ายทอดข้อมูล ข้อเท็จจริง ความรู้ ความคิด ความต้องการแก่ผู้ฟัง



	ประเภทของรายงาน
		1. รายงานทั่วไป คือรายงานที่เสนอข้อเท็จจริงหรือข้อคิดเห็น เพื่อให้ทราบผลการปฏิบัติงาน
		หรือเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวต่างๆ ทั้งที่ผ่านไปแล้วหรือกำลังดำเนินการอยู่
		หรือแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ได้

		2. รายงานวิชาการ คือเรื่องราวที่เป็นผลจากการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการแล้วนำมาเรียบเรียงอย่างมี ระเบียบแบบแผน เรื่องราวที่นำมาเขียนรายงานต้องเป็นข้อเท็จจริง หรือความรู้อันเกิดจากการรวบรวม ข้อมูลด้วยวิธีการศึกษาค้นคว้าที่เป็นระบบ



	สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเขียนรายงานวิชาการ
		1. วัตถุประสงค์ของรายงานวิชาการ
		2. ส่วนประกอบของรายงานวิชาการ
		3. การวางแผนการเขียนรายงาน
		4. แนวทางการเขียนรายงานวิชาการ
		5. การจัดตาราง กราฟ และภาพประกอบ
		6. การเขียนส่วนอ้างอิง


	1.	วัตถุประสงค์ของรายงานวิชาการแบบต่างๆ

		1.1 รายงานการศึกษาค้นคว้า (report) เป็นการค้นคว้าเรื่องราวที่เกี่ยวกับวิชาเรียน อาจเป็นปัญหา หรือข้อมูลที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติม

		1.2 รายงานประจำภาค หรือภาคนิพนธ์ (term paper) เป็นการศึกษาค้นคว้าเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ ใช้เป็นส่วนประกอบการเรียนวิชาใดวิชาหนึ่งในแต่ละภาค ผู้เขียนต้องศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียดลึกซึ้ง มากกว่ารายงานการค้นคว้า

		1.3 วิทยานิพนธ์ หรือปริญญานิพนธ์ (thesis or dissertation) เป็นการศึกษาค้นคว้าวิจัยอย่างละเอียดลึกซึ้ง มีระบบตามขั้นตอนของการวิจัย โดยมีสมมติฐานเป็นแนวทางในการศึกษา เรื่องที่ศึกษาควรเป็นเรื่องใหม่ สามารถเผยแพร่เป็นความรู้ทางวิชาการที่มีคุณภาพ และแสดงถึงความคิดที่มีเหตุผล การเขียนวิทยานิพนธ์ มุ่งถึงการค้นคว้าอย่างมีระบบระเบียบ ตลอดจนใช้ภาษาได้ถูกต้องเหมาะสม จึงเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา ระดับมหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิต

		1.4 รายงานการวิจัย (research paper) เป็นการเสนอผลงานที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าวิจัยเพื่อเผยแพร่ ให้ผู้อื่นได้ทราบข้อเท็จจริงหรือความรู้ใหม่ๆที่ค้นพบ


	2.	ส่วนประกอบรายงานการศึกษาค้นคว้า
		ส่วนที่ 1 ส่วนประกอบตอนต้น
		- ปกนอกด้านหน้า
		- ใบรองปก
		- หน้าปกใน
		- คำนำ
		- สารบัญ

		ส่วนที่ 2 ส่วนเนื้อหา
		- บทนำ
		- หลักการและเหตุผล
		- วัตถุประสงค์
		- สมมติฐาน
		- ขอบเขตของการดำเนินงาน
		- ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รัย
		- นิยามศัพท์เฉพาะ

		ส่วนที่ 3 ส่วนประกอบตอนท้าย
		- บรรณานุกรม
		- ภาคผนวก
		- ประวัติผู้ค้นคว้า
		- ใบรองปกหลัง
		- ปกนอกด้านหลัง

	รายละเอียดของส่วนประกอบตอนต้น

	1.	ส่วนประกอบตอนต้น

		1.1 ปกนอกด้านหน้า วิธีพิมพ์มีดังนี้
		1.1.1 ส่วนบน เขียนชื่อ "รายงานการศึกษาค้นคว้า" ไว้ด้านบนจัดกึ่งกลางหน้า (ขนาดตัวอักษร 20 pt)
		บรรทัดถัดลงมาเขียนชื่อเรื่องที่จัดทำ "เรื่อง.............................."

		1.1.2 ส่วนกลาง พิมพ์ชื่อ-นามสกุล............... โดยไม่ต้องเขียนคำนำหน้านาม (ไม่ต้องใส่เด็กหญิง นาย นางสาว)
		บรรทัดถัดลงมาให้พิมพ์ ระดับชั้น ............ เลขที่ .........
		กรณีรายงานมีผู้จัดทำ 3 คนขึ้นไปให้ใส่ชื่อเรียงตามตัวอักษรตัวแรกของชื่อ ตามด้วยเลขที่
		บรรทัดถัดลงมาให้พิมพ์ระดับชั้น

		1.2.3 ส่วนล่างแบ่งเป็น 3 บรรทัด
		บรรทัดแรก พิมพ์ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา........................... (รหัสวิชา ................)
		บรรทัดที่สาม พิมพ์ ภาคเรียนที่....... ปีการศึกษา ..............
		บรรทัดที่สอง พิมพ์ ชื่อโรงเรียน....................... จังหวัด ...............................

ตัวอย่าง : การพิมพ์ปกหน้าด้านนอกของรายงานการศึกษาค้นคว้า




		1.2 ใบรองปก เป็นกระดาษเปล่าหนึ่งแผ่น ต่อจากปกนอก

		1.3 ปกใน (Title page) เขียนข้อความเดียวกับปกนอก กรณีรายงานที่มีผู้จัดทำ 3 คนขึ้นไป ให้เขียนชื่อผู้จัดทำทุกคน เรียงตามลำดับตัวอักษรของชื่อ หรือตามลำดับชั้น และเลขที่

		1.4 คำนำ (Preface) ควรแบ่งเป็น 3 ย่อหน้า และควรกล่าวรายละเอียดดังนี้
		ย่อหน้าที่ 1 กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการเขียนรายงาน เป็นการเกริ่นนำถึงสาเหตุหรือแรงบันดาลใจ
		ที่ศึกษาค้นคว้าในการทำรายงานเรื่องนี้
		ย่อหน้าที่ 2 กล่าวถึงขอบเขตของเนื้อหาในรายงานอย่างย่อๆ ว่ากล่าวถึงอะไรบ้าง
		ย่อหน้าที่ 3 กล่าวขอบคุณผู้ที่ให้ความร่วมมือ ให้ความช่วยเหลือ หรือให้ความสนับสนุน
		อันมีส่วนทำให้รายงานฉบับนี้สมบูรณ์ * (คำว่า “คำนำ” ให้เขียนไว้กลางหน้ากระดาษ ไม่ต้องขีดเส้นใต้
		ใช้รูปแบบอักษร TH Sarabun ขนาด 18 pt ตัวหนา เว้น 1 บรรทัด
		แล้วจึงขึ้นย่อหน้าที่ 1 โดยตั้งขอบกระดาษดังนี้
		- ด้านบน และด้านซ้ายกระดาษเว้นจากขอบ 1.5 นิ้ว หรือ 3.18 cm เพื่อเข้าเล่ม
		- ด้านล่าง และด้านขวากระดาษเว้นจากขอบ 1 นิ้ว หรือ 2.54 cm
		- การย่อหน้าให้เว้นจากกั้นหน้าไป 8 ตัวอักษร เริ่มพิมพ์ตัวที่ 9 หรือเริ่มพิมพ์ที่ 0.75 นิ้ว (1.8 ซม.)





		1.5 สารบัญ (Table of Contents)
		หมายถึง บัญชีหัวข้อสำคัญและหัวข้อย่อยในรายงานทั้งหมด โดยเขียนเรียงลำดับที่ ปรากฏในรายงานตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย พร้อมทั้งบอกเลขหน้าด้วยว่า หัวข้อนั้นๆ อยู่หน้าใด เพื่อสะดวกในการค้นคว้า กรณีที่มีภาพหรือตารางภายในรายงาน ให้มีสารบัญภาพ (List of Figures) และสารบัญตาราง (List of Tables) ด้วย โดยการกำกับลำดับภาพหรือตารางให้นับตามบท เช่น ถ้าเป็นภาพที่ 1 ของบทที่ 1 ให้กำกับว่า “ภาพที่ 1.1” หรือ “Figure 1.1” ถ้าเป็นภาพที่ 4 ในบทที่ 2 ให้กำกับว่า “ภาพที่ 2.4”หรือ “Figure 2.4” (คำว่า “สารบัญ” ให้เขียนไว้กลางหน้ากระดาษ ไม่ต้องขีดเส้นใต้ ใช้รูปแบบอักษร TH Sarabun ขนาด 18 ตัวหนา เว้น 1 บรรทัด แล้วจึงพิมพ์รายการสารบัญ )