St.Raphael School
 
    
 

 

     
     
     
       ภาษาที่ใช้ในการเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า
     
    - ใช้ภาษาที่เป็นทางการไม่ใช้ภาษาพูด คำผวน คำแสลง อักษรย่อ คำย่อ
    - ใช้คำที่มีความหมายชัดเจน ละเว้นการใช้ภาษาฟุ่มเฟือย การเล่นสำนวน
    - ระมัดระวังเรื่องการสะกดคำ การแบ่งวรรคตอน การแยกคำ
    - ในการอธิบายความ ต้องเลือกใช้คำที่มีความหมายสอดคล้องกับความเป็นจริง
     
   
   
 

2. ส่วนเนื้อเรื่อง

     
                  ส่วนเนื้อเรื่องเป็นส่วนสำคัญที่สุดของรายงานวิชาการ หรือรายงานการศึกษาค้นคว้า
ประกอบด้วย  บทนำ  เนื้อหา  สรุปหรือส่วนท้าย  ซึ่งแนวทางในการเขียนดังนี้
     
    2.1 บทนำ
                  การเขียนบทนำเป็นการเกริ่นนำเรื่องให้ผู้อ่านได้ทราบถึงที่มาของการศึกษาค้นคว้า หรืออย่างน้อย
ก็เป็นการสร้างความสนใจให้ผู้อ่านติดตามรายละเอียดต่อไป เป็นส่วนสำคัญที่วางพื้นฐานให้ผู้อ่านเข้าใจถึงขอบเขต
ความสำคัญ และวัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า การเขียนส่วนนำในรายงานวิชาการมีวิธีการเขียนหลายแบบ 
ผู้เขียนอาจเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งหรือผสมผสานจากวิธีต่อไปนี้
     
                   1)  กล่าวถึงสภาพปัญหา  หรือสภาพการณ์ปัจจุบัน  อันเป็นที่มาของการเขียนเรื่องนี้
                   2)  กล่าวถึงขอบข่ายของเนื้อหาที่จะเขียนต่อไปว่าเป็นประเด็นใดบ้าง
                   3)  ชี้แจงหรือสร้างข้อตกลงเบื้องต้นกับผู้อ่านว่า...เนื้อหาจะจำกัดหรือวิเคราะห์เจาะลึกในเรื่องใดโดยเฉพาะ
                   4)  ยกคำคม  หรือวาทะของบุคคลสำคัญมากล่าว  โดยโยงเข้าสู่การคลี่คลายในเนื้อหาต่อไป
                   5)  ให้นิยามความหมายของคำสำคัญในเรื่อง  โดยอาจนำมาจากพจนานุกรม  หรือเอกสารที่อ้างอิงได้
                   6)  สร้างปัญหา  หรือข้อขัดแย้งให้ผู้อ่านพิศวง  ใคร่รู้คำตอบ  นำไปสู่การคลี่คลายในเนื้อหาต่อไป
                   7)  ยกตัวอย่างเรื่องจริง  เล่านิทาน  หรือสร้างเรื่องสมมติขนาดสั้นๆ แล้วลงท้ายโดยโยงไปสู่เนื้อหา
     
    2.2  เนื้อหา 
               การเขียนส่วนเนื้อหาในรายงานวิชาการค่อนข้างจะเป็นเรื่องกว้าง  เป็นอิสระของผู้เขียน  แต่มีหลักการ
       สำคัญพอประมวลได้ ดังนี้
     
                  1)  เริ่มด้วยเชื่อมโยงส่วนนำเข้าสู่เนื้อหา
                  2)  อธิบายวิธีการศึกษาเรื่องนั้นๆ เช่น รวบรวมจากเอกสาร  สัมภาษณ์  สังเกต  ทดลอง  เป็นต้น
                  3)  เสนอหลักการ  ทฤษฎี  ข้อค้นพบ  หรือข้อวิเคราะห์วิจารณ์ให้ชัดเจน  ยกเหตุผลสนับสนุนให้
                       หนักแน่น  อ้างอิ่งแหล่งข้อมูลให้ถูกต้อง  หากมีหลายประเด็นควรจำแนกเป็นประเด็นๆไป
                  4)  ให้นิยามศัพท์เฉพาะที่สำคัญ  เมื่อกล่าวถึงเนื้อหาในส่วนนั้น  ถ้าต้นศัพท์เป็นภาษาต่างประเทศ
                       ให้วงเล็บคำเขียน  และคำอ่านออกเสียงเป็นภาษานั้นๆ ในกรณีที่อ่านยาก
                  5)  อธิบายความ  ยกตัวอย่างประกอบให้เข้าใจง่าย  ตัวอย่างไม่ควรยืดยาวมากจนบดบังเนื้อหา
                       ถ้าตัวอย่างหรือส่วนอ้างอิงยาวมาก อาจยกไปไว้ในภาคผนวก
                  6)  ใช้แผนภูมิ  ภาพ  ตาราง  กราฟ  ฯลฯ  ในส่วนที่จำเป็นเพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น
                       และช่วยพักสายตาผู้อ่าน
     
    2.3  สรุปหรือส่วนท้าย  
     
                 1)  สรุปเนื้อหา  ในกรณีที่เนื้อหายาวและซับซ้อน  อาจสรุปย่อประเด็นสำคัญเป็นข้อความหรือแผนภูมิ
                      เพื่อให้เห็นภาพรวมของเนื้อหาอย่างชัดเจน
                 2)  กล่าวย้ำจุดสำคัญหรือจุดเด่นของเนื้อหา
                 3)  เสนอทัศนะของผู้เขียน  แต่ต้องระบุให้ชัดเจนว่าเป้นความคิดเห็นส่วนตัว  มิใช่หลักการหรือทฤษฎี
                      ตายตัวที่ทุกคนต้องทำตาม
                 4)  ชี้นำให้ผู้อ่านขบคิดพิจารณาต่อไป  เพื่อให้ผู้อ่านมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาและพัฒนาวิชาการนั้นๆ
                 5)  ยกภาษิต  คำคม  ที่ตรงกับแนวคิดของเรื่อง  ทั้งนี้ควรเป็นข้อความที่คนเข้าใจกันได้ทั่วไป
                      โดยไม่ต้องอธิบายให้เยิ่นเย้อ
                 6)  ประโยคปิดท้าย  หากไม่ใช่ภาษิตคำคม  ก็ควรใช้ภาษาที่สละสลวยน่าอ่าน  เพื่อ "ทิ้งท้าย"
                      ให้ผู้อ่านประทับใจ  ไม่ควรจบห้วนๆ อย่างไม่มีเยื้อใย
     
     

 

St.Raphael School


 
Copyright 2025 © St.Raphael School

  No.5 Soi 22, Tai Ban Subdistrict, Mueang Samut Prakan District, Samut Prakan 10270
  Tel. 0-2701-6174-5   e-mail :business@raphael.ac.th  website: https://www.raphael.ac.th
  Update: 1 July 2025